วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

วิชา การจัดระบบเครือข่ายและการสื่อสารข้อมูลธุรกิจด้วยคอมพิวเตอร์ การบ้านคำศัพท์ ประจำวันที่ 21 ม.ค. 2554 ตอนเรียน A1 ห้อง BC.1


 DHCP


DHCP(Dynamic Host Configuration Protocol)
คือ โปรโตคอลที่ใช้ในการกำหนด IP Address อัตโนมัติแก่เครื่องลูกข่ายบนระบบ ที่ติดตั้ง TCP/IP สำหรับ DHCP server มีหน้าที่แจก IP ในเครือข่ายไม่ให้ซ้ำ เป็นการลดความซ้ำซ้อน เมื่อเครื่องลูกเริ่ม boot ก็จะขอ IP address, Subnet mark, หมายเลข DNS และ Default gateway

  ขั้นตอนการเชื่อมต่อของเครื่องลูกกับ DHCP server
1. เครื่องลูกค้นหาเครื่อง DHCP server ในเครือข่าย โดยส่ง DHCP discover เพื่อร้องขอ IP address
2. DHCP server จะค้นหา IP ที่ว่างอยู่ในฐานข้อมูล แล้วส่ง DHCP offer กลังไปให้เครื่องลูก
3. เมื่อเครื่องลูกได้รับ IP ก็จะส่งสัญญาณตอบกลับ DHCP Request ให้เครื่องแม่ทราบ
4. DHCP server ส่งสัญญาณ DHCP Ack กลับไปให้เครื่องลูก เพื่อแจ้งว่าเริ่มใช้งานได้
DHCP คือ ระบบการแจกจ่าย IPAddress ให้เครื่องที่อยู่ในระบบ เมื่อเครื่องเหล่านั้น ถูก Set ไว้ว่าจะต้องไปเอา IPAddress มาจาก DHCP Server โดยปกติ IP Sharer Box หรือ Proxy Software บางตัว จะมี ระบบ DHCP อยู่ในตัวด้วย
DHCP เกี่ยวกับการติดตั้งค่าต่าง ๆ ทางเครือข่าย เช่น ค่า Iaddress,DNS,Gateway,Netmask โดยการใช้งานจะมีสองส่วนคือ DHCP Server และ DHCP Client โดยตัว server จะเป็นตัวกำหนดค่าต่าง ๆ ของ network ให้กับ client ซึ่งตัว server จะต้องทางานอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้บริการกับ client ตัวใด ๆ ได้ตลอดเวลา พูดง่ายๆ คือ เปิดเป็นเครื่องแรก ปิดเป็นเครื่องสุดท้าย ถ้าปิดก่อนแล้ว เครื่อง client จะปิดไม่ได้ เหตุผลที่นิยมใช้ DHCP ก็เพราะในระบบ network ที่มีเครื่อง client จานวนมาก จะพบกับความยุ่งยากเรื่องกำหนดค่า network ให้ถูกต้อง และระวังไม่ให้ IP address แต่ละเครื่องมาซ้ำกัน ซึ่ง DHCP server สามารถแจกจ่ายค่าต่างๆ เหล่านี้ให้กับ client ได้โดยอัตโนมัติ สร้างความสะดวก ลดความยุ่งยากและความเสี่ยงต่อการผิดพลาดอีกด้วย นอกจากนี้แล้ว การใช้งานอินเตอร์เน็ท ใน network ก็ควรจะใช้ tranperent proxy ด้วย ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการใช้ bandwith ไปภายนอก และเพิ่มความเร็วในการเรียกเว็บอีกด้วย โดย transperent proxy ก็คือการที่ทาให้ browser แต่ละตัว เมื่อเรียกใช้เว็บแล้วจะเรียกใช้งาน proxy โดยอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องตั้งค่าใช้ proxy ที่ตัว browser เลย ประโยชน์ของมันนอกจากจะเป็น cache แล้ว ยัง redirect ได้อีกด้วย เช่น กำหนดให้ เครื่องในวง lan ไม่สามารถเรียกเว็บโป๊ หรือเข้าเว็บ pantip ไม่ได้ แล้วแต่เรากำหนด แต่จะถูก redirect ไปยังที่อื่น นอกจากนี้ ยังตรวจสอบการใช้งานของ client แต่ละเครื่องได้ด้วยว่า เรียกใช้งานเว็บไหนบ้าง ปริมาณการใช้งานมากน้อยขนาดไหน เหมาะกับใช้ในสานักงานหรือโรงเรียน
[ที่มา:http://computer.rru.ac.th/~sansern/4123706/uploadwork/homework/49003287017.pdf ]

วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

วิชา การจัดระบบเครือข่ายและการสื่อสารข้อมูลธุรกิจด้วยคอมพิวเตอร์ การบ้านคู่หาคุณสมบัติอุปกรณ์เครือข่ายเป็นอังกฤษ-ไทย ประจำวันที่ 5 ม.ค. 2554 ตอนเรียน A1 ห้อง BC.1

                                                                                                 1.นางสาวขนิษฐา แก่นจันทร์ รหัส 51132792066
                                                                     2.นางสาวทัศวรรณ อุ่นราด รหัส 51132792012
                                                                                    ตอนเรียน A1

Gateway     
 Soundwin SB800 Series
8 Port FXS/FXO VoIP Gateway Expandable to 24 Ports

Property
- Soundwin SB800 device size 8 Port VoIP Gateway FXS / FXO ports in the tank 24.
- expandable to 24 ports by installing additional modules.
- a telephone interface RJ-21 (Telco).
- support for both SIP and H.323 on both server and Peer-to-Peer.
- do the connection between a conventional telephone network and VoIP. In addition, acting as router. And functions that separate SmartQoS Boys have higher priority than the data you call without interruption.
- Compatible with Asterisk SIP Server, Trixbox, Elastix, VoIPSwitch, PIAF SIP Server all versions, including other
- simple user-friendly.
- Power saver.
- Prevent attacks from the outside better. Makes the network more secure.
- Reduced equipment and a lot of issues (Router = Firewall NAT DHCP DDNS ADSL Switch Utility various
คุณสมบัติ
- Soundwin SB800 อุปกรณ์ VoIP Gateway ขนาด 8 พอร์ต FXS/FXO ในตัวถังแบบ 24 พอร์ต
-สามารถขยายได้ถึง 24 พอร์ตโดยติดตั้งโมดูลเพิ่มเติม
-มีอินเตอร์เฟสโทรศัพท์แบบ RJ-21 (Telco)
-รองรับการใช้งานทั้งแบบ SIP และ H.323 ทั้งแบบผ่านเซอร์เวอร์และ Peer-to-Peer
-ทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างระบบโทรศัพท์ธรรมดาและเครือข่ายวีโอไอพี นอกจากนั้นทำหน้าที่เสมือนเร้าท์เตอร์ และมีฟังก์ชั่น SmartQoS แยกวอยส์ให้มีลำดับความสำคัญสูงกว่าดาต้าทำให้คุณโทรติดต่อได้โดยไม่สะดุด
-ใช้งานได้กับ Asterisk SIP Server, Trixbox, Elastix, VoIPSwitch, PIAF ทุกเวอร์ชั่น รวมทั้ง SIP Server อื่น ๆ

-ใช้งานได้ง่ายไม่ยุ่งยาก
- ประหยัดไฟ
- ป้องกันการถูกโจมตีจากภายนอกได้ดีกว่า ทำให้ใช้เครือข่ายปลอดภัยมากขึ้น
- ลดอุปกรณ์และปัญหาต่าง ๆ ได้มาก (Router = Firewall+NAT+DHCP+DDNS+ADSL+Switch+Utility ต่าง ๆ

วันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2554

วิชา การจัดระบบเครือข่ายและการสื่อสารข้อมูลธุรกิจด้วยคอมพิวเตอร์ การบ้านบทที่ 5 ประจำวันที่ 5 ม.ค. 25534ตอนเรียน A1 ห้อง BC.1

1. จงยกตัวอย่างอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อเครือข่าย
ยกตัวอย่างอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อเครือข่าย เช่น


Router
- เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อ LAN หลายๆ เครือข่ายเข้าด้วยกัน คล้ายกับ
Switch
- Router สามารถใช้ในการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายที่ใช้โปรโตคอล
เครือข่ายต่างกัน
-Router สามารถทำการกรอง (filter) เลือกเฉพาะชนิดของข้อมูลที่ระบุไว้
ว่าให้ผ่านไปได้ ทำให้ช่วยลดปัญหาการจราจรที่คับคั่งของข้อมูล และ
เพิ่มระดับความปลอดภัยของเครือข่าย
-ทำงานในระดับ Layer ที่ 3 ของ OSI Model
-เราเตอร์สามารถหาเส้นทางการส่งข้อมูลที่เหมาะสมให้โดยอัตโนมัติด้วย
นอกจากนี้เราทเตอร์จะเป็นอุปกรณ์ที่ขึ้นกับโปรโตคอล นั่นคือในการใช้
งานจะต้องเลือกซื้อเราเตอร์ที่สนับสนุนโปรโตคอลของเครือข่ายที่
ต้องการจะเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน เราเตอร์อาจเป็นฮาร์ดแวร์เฉพาะหรือ
ซอฟต์แวร์เราเตอร์ก็ได้
-เราเตอร์ไม่เพียงจะใช้เชื่อมระหว่างเครือข่ายระดับ LAN ด้วยกันเท่านั้น
ยังสามารถใช้เชื่อมโยงเครือข่ายระดับ LAN กับเครือข่ายระดับ WAN ได้
อีกด้วย เช่น ใช้เชื่อมโยงเครือข่าย LAN เข้าสู่เครือข่ายอินเตอร์เน็ต
การเชื่อมต่อของ Router








2. จงเปรียบเทียบการทำงานของเกตเวย์ บริดจ์และสวิตซ์

อุปกรณ์เครือข่าย
การทำงาน
Bridge

เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ติดต่อระหว่างเครือข่ายท้องถิ่น หรือ LAN 2
เครือข่ายที่มีโปรโตคอลเหมือนกันเป็นเครือข่ายเดียวกัน
􀂇 บริดจ์ทำงานคล้ายกับเครื่องตรวจตำแหน่ง (Address) ของข้อมูล บริดจ์
จะรับข้อมูลมาทั้งแพ็กเกตจาก LAN ต้นทาง แล้วส่งไปยังปลายทางโดยไม่ทำ
การแก้ไขใด ๆ
􀂇 บริดจ์อาจเป็นได้ทั้งฮาร์ดแวร์เฉพาะ หรือซอฟต์แวร์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่
กำหนดให้เป็นบริดจ์ก็ได้
􀂇 บริดจ์ มักจะถูกใช้ในการเชื่อมเครือข่ายย่อย ๆ ในองค์กรเข้าด้วยกันเป็นเครือข่าย
ใหญ่เพียงเครือข่ายเดียว เพื่อให้เครือข่ายย่อยๆ เหล่านั้นสามารถติดต่อกับ
เครือข่ายย่อยอื่นๆ ได้

Switch
􀂇 นิยมเรียกว่า อีเธอร์เนตสวิตซ์ (Ethernet Switch) จะเป็นบริดจ์แบบหลาย
ช่องทาง (Multiport Bridge) ที่นิยมใช้ในระบบเครือข่ายแลนแบบ
Ethernet เพื่อใช้เชื่อมต่อเครือข่ายหลายๆ เครือข่ายเข้าด้วยกัน สวิตซ์จะ
ช่วยลดการจราจรระหว่างเครือข่ายที่ไม่จำเป็น
􀂇 เนื่องจากการเชื่อมต่อแต่ละช่องทาง กระทำอยู่ภายในตัวสวิตซ์เอง ทำให้
สามารถทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลในแต่ละเครือข่าย (Switching) ได้อย่าง
รวดเร็วกว่าการใช้บริดจ์จำนวนหลายๆ ตัวเชื่อมต่อกัน
􀂇 สวิตซ์สามารถใช้เชื่อมเครื่องคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวเข้ากับตัว
สวิตซ์ ซึ่งจะทำให้เครื่องๆ นั้น สามารถติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์ด้วยความเร็ว
เต็มความสามารถของช่องทางการสื่อสารข้อมูล
Gateway
􀂇 เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกอย่างหนึ่ง ทำหน้าที่ ช่วยทำให้เครือข่าย
คอมพิวเตอร์ 2 เครือข่ายหรือมากกว่าที่มีลักษณะไม่เหมือนกัน คือมี
ลักษณะการเชื่อมต่อของเครือข่ายต่างกัน และมีโปรโตคอลสำหรับการ
ส่ง-รับข้อมูลต่างกัน สามารถติดต่อกันได้เสมือนเป็นเครือข่ายเดียวกัน
􀂇 สำหรับเครือข่ายขนาดใหญ่ อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็น Gateway อาจจะรวม
เอาฟังก์ชั่นการทำงานที่เรียกว่า Firewall ไว้ในตัวด้วย เพื่อทำหน้าที่
ป้องกันไม่ให้คอมพิวเตอร์ที่อยู่นอกเครือข่ายเข้ามาเชื่อต่อลักลอบนำ
ข้อมูลภายในออกไปได้



3. โทโพโลยีมีกี่ประเภท อะไรบ้าง จงอธิบายว่าแต่ละประเภทเหมาะกับ
การใช้งานแบบใด
โทโพโลยี(Topology )มี 3 ประเภท ดังนี้
1.โทโปโลยีแบบบัส (BUS)
               เป็นรูปแบบที่ เครื่องคอมพิวเตอร์จะถูกเชื่อมต่อกันโดยผ่ายสายสัญญาณแกนหลัก ที่เรียกว่า BUS หรือ แบ็คโบน (Backbone) คือ สายรับส่งสัญญาณข้อมูลหลัก ใช้เป็นทางเดินข้อมูลของทุกเครื่องภายในระบบเครือข่าย และจะมีสายแยกย่อยออกไปในแต่ละจุด เพื่อเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ซึ่งเรียกว่าโหนด (Node) ข้อมูลจากโหนดผู้ส่งจะถูกส่งเข้าสู่สายบัสในรูปของแพ็กเกจ ซึ่งแต่ละแพ็กเกจจะประกอบไปด้วยข้อมูลของผู้ส่ง, ผู้รับ และข้อมูลที่จะส่ง การสื่อสารภายในสายบัสจะเป็นแบบ 2 ทิศทางแยกไปยังปลายทั้ง 2 ด้านของ บัส โดยตรงปลายทั้ง 2 ด้านของบัส จะมีเทอร์มิเนเตอร์ (Terminator) ทำหน้าที่ลบล้างสัญญาณที่ส่งมาถึง เพื่อป้องกันไม่ให้สัญญาณข้อมูลนั้นสะท้อนกลับ เข้ามายังบัสอีก เพื่อเป็นการป้องกันการชนกันของข้อมูลอื่น ๆ ที่เดินทางอยู่บนบัสในขณะนั้น
สัญญาณข้อมูลจากโหนดผู้ส่งเมื่อเข้าสู่บัส ข้อมูลจะไหลผ่านไปยังปลายทั้ง 2 ด้านของบัส แต่ละโหนดที่เชื่อมต่อเข้ากับบัส จะคอยตรวจดูว่า ตำแหน่งปลายทางที่มากับแพ็กเกจข้อมูลนั้นตรงกับตำแหน่งของตนหรือไม่ ถ้าตรง ก็จะรับข้อมูลนั้นเข้ามาสู่โหนด ตน แต่ถ้าไม่ใช่ ก็จะปล่อยให้สัญญาณข้อมูลนั้นผ่านไป จะเห็นว่าทุก ๆ โหนดภายในเครือข่ายแบบ BUS นั้นสามารถรับรู้สัญญาณข้อมูลได้ แต่จะมีเพียงโหนดปลายทางเพียงโหนดเดียวเท่านั้นที่จะรับข้อมูลนั้นไปได้
-เหมาะกับการรับส่งข้อมูลแบบไม่ต่อเนื่องและข้อมูลมีจำนวนไม่มากนัก

2.โทโปโลยีแบบวงแหวน (RING)
             เป็นรูปแบบที่ เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบเครือข่าย ทั้งเครื่องที่เป็นผู้ให้บริการ( Server) และ เครื่องที่เป็นผู้ขอใช้บริการ(Client) ทุกเครื่องถูกเชื่อมต่อกันเป็นวงกลม ข้อมูลข่าวสารที่ส่งระหว่างกัน จะไหลวนอยู่ในเครือข่ายไปใน ทิศทางเดียวกัน โดยไม่มีจุดปลายหรือเทอร์มิเนเตอร์เช่นเดียวกับเครือข่ายแบบ BUS ในแต่ละโหนดหรือแต่ละเครื่อง จะมีรีพีตเตอร์ (Repeater) ประจำแต่ละเครื่อง 1 ตัว ซึ่งจะทำหน้าที่เพิ่มเติมข้อมูลที่จำเป็นต่อการติดต่อสื่อสารเข้าในส่วนหัวของแพ็กเกจที่ส่ง และตรวจสอบข้อมูลจากส่วนหัวของ Packet ที่ส่งมาถึง ว่าเป็นข้อมูลของตนหรือไม่ แต่ถ้าไม่ใช่ก็จะปล่อยข้อมูลนั้นไปยัง Repeater ของเครื่องถัดไป

-เหมาะกับงานที่มีการรับส่งข้อมูลมาก ๆ และ
ต่อเนื่องตลอดเวลา



3.โทโปโลยีแบบดาว (STAR)
            เป็นรูปแบบที่ เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกันในเครือข่าย จะต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ตัวกลางตัวหนึ่งที่เรียกว่า ฮับ (HUB) หรือเครื่อง ๆ หนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการเชื่อมต่อสายสัญญาญที่มาจากเครื่องต่าง ๆ ในเครือข่าย และควบคุมเส้นทางการสื่อสาร ทั้งหมด เมื่อมีเครื่องที่ต้องการส่งข้อมูลไปยังเครื่องอื่น ๆ ที่ต้องการในเครือข่าย เครื่องนั้นก็จะต้องส่งข้อมูลมายัง HUB หรือเครื่องศูนย์กลางก่อน แล้ว HUB ก็จะทำหน้าที่กระจายข้อมูลนั้นไปในเครือข่ายต่อไป
-เหมาะกับการรับส่งข้อมูลแบบไม่ต่อเนื่อง
และข้อมูลมีจำนวนไม่มากนัก
4. รีพีตเตอร์หรือฮับทำงานอยู่บน layer ใดของ OSI Model
= รีพีตเตอร์หรือฮับเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ขยายสัญญาณที่ได้รับมาส่งต่อให้กับอุปกรณ์อื่น
ที่ต่อเข้ากับมัน จัดเป็นอุปกรณ์ที่มีการทำงานอยู่ใน Layer ที่ 1 ของ OSI
Model

วันพุธที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2554

วิชา ฐานข้อมูลเบื้องต้น การบ้านบทที่ 6 ประจำวันที่ 5 ม.ค 2554

1. Functional Dependency คืออะไร แบ่งเป็นกี่ประเภท
= คือการพิจารณาโครงสร้างของแต่ละ Relation ว่ามีโครงสร้างอยู่ใน Normal Form ระดับใด จะพิจารณาจาก Functional Dependency ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ระหว่าง Attribute ต่าง ๆ ภายใน Relation กับ Attribute หรือกลุ่ม Attribute ที่ทำหน้าที่เป็น Key ของ Relation นั้นซึ่งความสัมพันธ์นี้ จะถูกนิยามด้านรูปแบบทางคณิตศาสตร์ที่เรียกว่า “Functional Dependency”
Functional Dependency สมารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
1.      Functional Dependency ที่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่าง Determinant และ Dependency อย่างละ 1 คำ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างหมายเลขบัตรประชาชนและชื่อเจ้าของบัตร
2.      Functional Dependency ที่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่าง Determinant 1 ค่ากับ Dependency หลายค่า เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างหมายเลขบัตรประชาชนและข้อมูลที่ปรากฏอยู่บนบัตรประชาชน
3.      Functional Dependency ที่มีความสัมพันธ์ 2 ทาง ซึ่งเป็น Functional Dependencyที่ทั้ง Determinant และ Dependency ต่างสามารถทำหน้าที่ของอีกฝ่ายหนึ่งได้ เช่น ความสัมพันธ์   ระหว่างชื่อผู้จัดการโครงการ (Attribute “MANAGER”)กับชื่อโครงการ(Attribute“PROJECT_NO”)ซึ่งถ้าทราบชื่อของโครงการจะสามารถทราบได้ถึงชื่อของโครงการที่ผู้จัดการนั้นเป็นเจ้าของได้ และเมื่อทราบชื่อโครงการก็จะสามารถทราบถึงชื่อของผู้จัดการโครงการนั้นเช่นเดียวกัน
4.      Functional Dependency ที่ต้องใช้ Determinant มากกว่า 1 ค่า เพื่ออ้างถึง Dependency เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนสินค้าที่ผลิตได้ของสินค้าแต่ละชนิดภายใต้สายการผลิตต่าง ๆ
2. จงอธิบายความหมายของ Repeating Group พร้อมยกตัวอย่าง
= Repeating Group หมายถึง รีเลชั่น ของตารางเกิดมีกลุ่มข้อมูลซ้ำกันหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือแต่ละช่องเซลของรีเลชั่นจะถูกจัดเก็บข้อมูลมากกว่า 1 ค่า ส่งผลให้รีเลชั่น นี้ มีโครงสร้างที่ไม่สอดคล้องตามคุณสมบัติของ 1NF
ยกตัวอย่างเช่น ตาราง Oder สังเกตว่าลูกค้า(Attribute“CUST_NO”) 1 คนสามารถมีรายการสั่งซื้อ (Attribute “ORDER_CONTENT”) ได้มากกว่า 1 รายการ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า (Attribute“CUST_NO”) นี้ มีความสัมพันธ์กับ(Attribute“ORDER_CONTENT”) ในแบบ Repeating Group ส่งผลให้รีเลชั่น นี้ มีโครงสร้างที่ไม่สอดคล้องตามคุณสมบัติของ 1NF
3. จงอธิบายความหมายของ Transitive Dependency พร้อมยกตัวอย่าง
= Transitive Dependency หมายถึง รีเลชั่น ของตารางเกิดมี Attribute บางตัวที่ไม่ได้เป็นคีย์หลัก มีคุณสมบัติในการกำหนดค่าของอื่นที่ไม่ใช่คีย์หลักในตารางรีเลชั่นหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ มี 2 Attribute ที่ไม่ใช่คีย์หลัก ที่สามารถระบุค่าระหว่างกันได้
ยกตัวอย่างเช่น ในตาราง Oder สินค้าของลูกค้าจาก รีเลชั่น “Cust” มีค่าของ AttributeCITY” และ AttributeZONE_SALE” ปรากฏข้อมูลซ้ำกันเป็นคู่ ๆ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ทั้ง 2 Attribute สมารถระบุค่าระหว่างกันได้ กล่าวคือ เมื่อระบุค่าให้กับ AttributeZONE_SALE” จะสามารถทราบถึงเมืองใน AttributeCITY” ได้ ดังนั้นจึงทำให้ รีเลชั่นนี้ขาดคุณสมบัติของ 3NF และยังก่อให้เกิดปัญหาความผิดพลาดทางด้าน Anomaly

4.จงตรวจสอบตารางต่อไปว่าอยู่ในรูปของ 1NF 2NF และ 3NF แล้วหรือยัง ถ้ายัง Normalization ให้อยู่ในรูปดังกล่าว
P_ID
P_Name
E_ID
E_ Name
Job_Calss
Chg_Hour
Hour
11
EAU  Web Site
103
สมชาย ไม้ดี
SA
500
23.8
101
แท่น งามยิ่ง
Database  Designer
450
19.4
105
ชาย ดีศรี
Database  Designer
450
35.7
106
แม็ก ยอดยิ่ง
Programmer
400
12.6
102
อมร ดีศรี
SA
500
23.8
22
BU Reglstration
114

สุรศักดิ์ ดีงาม
Application Designer
300
24.6
118
กมล ไม้งาม
General Support
200
45.3
104
นาย ยิ่งยอด
SA
500
32.4
106
แม็ก ยอดยิ่ง
Programmer
400
20
112
ธิดา ไม้งาม
Database  Designer
450
44.0
105
ชาย ดีศรี
Database  Designer
450
44.0


= จากตารางจะสังเกตว่าไม่มีคุณสมบัติครบเป็น 1NF เพราะเป็นรีเลชั่นที่มีคีย์หลักของรีเลชั่น คือ มี (Attribute “P_ID”) เป็นคีย์หลัก แล้วแต่มีกลุ่มข้อมูลซ้ำซ้อน (Repeating Group) อยู่ในรีเลชั่นหรือในแต่ละช่องหรือเซล ของรีเลชั่นมีการเก็บข้อมูลหลายค่าคือ AttributeE_ID”นี้มีความสัมพันธ์กับ AttributeP_Name” ในแบบ Repeating Group ส่งผลให้ Relation นี้ มีโครงสร้างที่ไม่สอดคล้องตามคุณสมบัติของ 1NF ดังนั้นจึงต้องทำรายการ Normalization โดยการแปลงคุณสมบัติ Attribute ที่อยู่ในรูป Repeating Group ให้มีคุณสมบัติ  Atomicity พร้อมกับกำหนดให้ Attribute ดังกล่าวเป็น Relation Key ของ Relation ดังนั้นจึงถูกแปลงให้อยู่ในรูปดังนี้
P_ID
P_Name
E_ID
E_ Name
Job_Calss
Chg_Hour
Hour
11
EAU  Web Site
103
สมชาย ไม้ดี
SA
500
23.8
11
EAU  Web Site
101
แท่น งามยิ่ง
Database  Designer
450
19.4
11
EAU  Web Site
105
ชาย ดีศรี
Database  Designer
450
35.7
11
EAU  Web Site
106
แม็ก ยอดยิ่ง
Programmer
400
12.6
11
EAU  Web Site
102
อมร ดีศรี
SA
500
23.8
22
BU Reglstration
114

สุรศักดิ์ ดีงาม
Application Designer
300
24.6
22
BU Reglstration
118
กมล ไม้งาม
General Support
200
45.
22
BU Reglstration
104
นาย ยิ่งยอด
SA
500
32.4
22
BU Reglstration
106
แม็ก ยอดยิ่ง
Programmer
400
20
22
BU Reglstration
112
ธิดา ไม้งาม
Database  Designer
450
44.0
22
BU Reglstration

105
ชาย ดีศรี
Database  Designer
450
44.0


- ไม่มีคุณสมบัติเป็นไปตาม 2NF เพราะจะเห็นได้ว่า Relation ของตาราง จะมี Attribute (E_ID ,P_ID) เป็น Attribute ที่ทำให้ข้อมูลในแต่ละ Tuple มีค่าไม่ซ้ำกัน ดังนั้น  Attribute ทั้ง 2 จึงทำหน้าที่เป็น Relation Key และพิจารณาค่าของ Attribute  E_ID”, E_ Name” ,Job_Calss”, Chg_Hour”, Hour ” จะสังเกตเห็นว่า Tuple ที่ประกอบขึ้นจาก Attribute เหล่านี้ จะมีข้อมูลซ้ำกันเป็นชุด ๆ และมีเพียง  Attribute  P_Name” เท่านั้นที่มีค่าแปรเปลี่ยนตามค่าของ Relation Key ดังนั้นจึงสามารถเขียนด้วย Functional Dependency เพิ่มเติมได้ดังนี้
- d1: E_ID, P_ID               P_Name
- d2: E_ID                E_ Name ,Job_Calss ,Chg_Hour, Hour
ใน d2 จะสังเกตเห็นว่า Attribute E_ Name” ,Job_Calss”, Chg_Hour”และ “ Hour ”, เป็น Nonprime Attribute ของ Relation ที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเฉพาะ Relation Key แต่กลับขึ้นอยู่กับค่าของ Attribute E_ID” ด้วย แสดงว่า d2 นี้ไม่เป็นไปตามคุณสมบัติข้อ 2
ดังนั้น Relation นี้ จึงไม่มีคุณสมบัติเป็นไปตามคุณสมบัติของ 2NF จึงต้องแยก Relation นี้ ออกเป็น 2 Relation ตาม d1และ d2 ดังนี้
E P_Name
E_ID
P_ID
P_Name
103
11
EAU  Web Site
101
11
EAU  Web Site
105
11
EAU  Web Site
106
11
EAU  Web Site
102
11
EAU  Web Site
114

22
BU Reglstration
118
22
BU Reglstration
104
22
BU Reglstration
106
22
BU Reglstration
112
22
BU Reglstration
105
22
BU Reglstration




E
E_ID
E_ Name
Job_Calss
Chg_Hour
Hour
103
สมชาย ไม้ดี
SA
500
23.8
101
แท่น งามยิ่ง
Database  Designer
450
19.4
105
ชาย ดีศรี
Database  Designer
450
35.7
106
แม็ก ยอดยิ่ง
Programmer
400
12.6
102
อมร ดีศรี
SA
500
23.8
114

สุรศักดิ์ ดีงาม
Application Designer
300
24.6
118
กมล ไม้งาม
General Support
200
45.
104
นาย ยิ่งยอด
SA
500
32.4
106
แม็ก ยอดยิ่ง
Programmer
400
20
112
ธิดา ไม้งาม
Database  Designer
450
44.0
105
ชาย ดีศรี
Database  Designer
450
44.0


-  จาก Relation นี้ ถึงแม้จะมีโครงสร้างเป็นไปตามคุณสมบัติ 2NF แต่จะเห็นว่าค่าของ AttributeJob_Calss” ,Chg_Hour”และ “ Hour ” ยังปรากฏข้อมูลที่มีซ้ำกันอยู่เป็นคู่ ๆ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งทั้ง 2 Attribute สามารถรับบุค่าระหว่างกันได้ ดังนั้น Relation นี้จึงขาดคุณสมบัติของ 3NF และยังก่อให้เกิดปัญหาความผิดพลาดทางด้าน Anomaly
จากปัญหา Anomaly ที่เกิดขึ้นจาก Transitive Dependency เหล่านี้จึงต้องทำการแยก Attribute ที่ทำให้เกิด Transitive Dependency ของ Relation นี้ ออกมาเป็น Relation ใหม่ ซึ่งจากตารางได้แก่ AttributeJob_Calss” ,Chg_Hour”และ “ Hour ” ดังนี้
E2
E_ID
E_ Name
Job_Calss
103
สมชาย ไม้ดี
SA
101
แท่น งามยิ่ง
Database  Designer
105
ชาย ดีศรี
Database  Designer
106
แม็ก ยอดยิ่ง
Programmer
102
อมร ดีศรี
SA
114

สุรศักดิ์ ดีงาม
Application Designer
118
กมล ไม้งาม
General Support
104
นาย ยิ่งยอด
SA
106
แม็ก ยอดยิ่ง
Programmer
112
ธิดา ไม้งาม
Database  Designer
105
ชาย ดีศรี
Database  Designer



Job Chg Hour
Job_Calss
Chg_Hour
Hour
SA
500
23.8
Database  Designer
450
19.4
Database  Designer
450
35.7
Programmer
400
12.6
SA
500
23.8
Application Designer
300
24.6
General Support
200
45.
SA
500
32.4
Programmer
400
20
Database  Designer
450
44.0
Database  Designer
450
44.0

5.จงวิเคราะห์และจัดทำ Normalization ระบบการลงทะเบียนของนักศึกษา ให้มีความซ้ำซ้อนน้อยที่สุด
รหัส นศ.
ภาคเรียนที่
รหัสวิชา
ชื่อวิชา
ประเภทวิชา
ชื่อประเภท
หน่วยกิต
เกรด
4501
1/45
A01
คณิตศาสตร์คอม
02
ชีพบังคับ
3
F

1/45
A03
ภาษาไทย
01
พื้นฐาน
3
C

2/45
A01
คณิตศาสตร์คอม
02
ชีพบังคับ
3
D

2/45
A04
ภาษาอังกฤษ1
01
พื้นฐาน
3
D+
4052
1/45
A01
คณิตศาสตร์คอม
02
ชีพบังคับ
3
B

1/45
A04
ภาษาอังกฤษ1
01
พื้นฐาน
3
C

2/45
A02
ระบบฐานข้อมูล
03
ชีพเลือก
3
B

2/45
A05
โปรแกรมสำเร็จรูป1
02
ชีพบังคับ
3
D
4503
1/45
A06
การสื่อสารข้อมูล
01
พื้นฐาน
3
A

1/45
A04
ภาษาอังกฤษ1
03
ชีพเลือก
3
C

2/45
A05
โปรแกรมสำเร็จรูป1
02
ชีพบังคับ
3
D
4506
1/45
A03
ภาษาไทย
01
พื้นฐาน
3
B+

1/45
A04
ภาษาอังกฤษ1
01
พื้นฐาน
3
C



จัดทำ Normalization 
5.1 First Normal Form (1NF)  ได้ดังนี้
ระบบการลงทะเบียนของนักศึกษา
รหัส นศ.
ภาคเรียนที่
รหัสวิชา
ชื่อวิชา
ประเภทวิชา
ชื่อประเภท
หน่วยกิต
เกรด
4501
1/45
A01
คณิตศาสตร์คอม
02
ชีพบังคับ
3
F
4501
1/45
A03
ภาษาไทย
01
พื้นฐาน
3
C
4501
2/45
A01
คณิตศาสตร์คอม
02
ชีพบังคับ
3
D
4501
2/45
A04
ภาษาอังกฤษ1
01
พื้นฐาน
3
D+
4052
1/45
A01
คณิตศาสตร์คอม
02
ชีพบังคับ
3
B
4052
1/45
A04
ภาษาอังกฤษ1
01
พื้นฐาน
3
C
4052
2/45
A02
ระบบฐานข้อมูล
03
ชีพเลือก
3
B
4052
2/45
A05
โปรแกรมสำเร็จรูป1
02
ชีพบังคับ
3
D
4503
1/45
A06
การสื่อสารข้อมูล
01
พื้นฐาน
3
A
4503
1/45
A04
ภาษาอังกฤษ1
03
ชีพเลือก
3
C
4503
2/45
A05
โปรแกรมสำเร็จรูป1
02
ชีพบังคับ
3
D
4506
1/45
A03
ภาษาไทย
01
พื้นฐาน
3
B+
4503
1/45
A04
ภาษาอังกฤษ1
01
พื้นฐาน
3
C




5.2 Second Normal Form (2NF)  ได้ดังนี้
รหัสวิชาระบบการลงทะเบียน
รหัส นศ.
รหัสวิชา
ภาคเรียนที่
4501
A01
1/45
4501
A03
1/45
4501
A01
2/45
4501
A04
2/45
4052
A01
1/45
4052
A04
1/45
4052
A02
2/45
4052
A05
2/45
4503
A06
1/45
4503
A04
1/45
4503
A05
2/45
4506
A03
1/45
4503
A04
1/45





รหัสวิชา
รหัสวิชา
ชื่อวิชา
ประเภทวิชา
ชื่อประเภท
หน่วยกิต
เกรด
A01
คณิตศาสตร์คอม
02
ชีพบังคับ
3
F
A03
ภาษาไทย
01
พื้นฐาน
3
C
A01
คณิตศาสตร์คอม
02
ชีพบังคับ
3
D
A04
ภาษาอังกฤษ1
01
พื้นฐาน
3
D+
A01
คณิตศาสตร์คอม
02
ชีพบังคับ
3
B
A04
ภาษาอังกฤษ1
01
พื้นฐาน
3
C
A02
ระบบฐานข้อมูล
03
ชีพเลือก
3
B
A05
โปรแกรมสำเร็จรูป1
02
ชีพบังคับ
3
D
A06
การสื่อสารข้อมูล
01
พื้นฐาน
3
A
A04
ภาษาอังกฤษ1
03
ชีพเลือก
3
C
A05
โปรแกรมสำเร็จรูป1
02
ชีพบังคับ
3
D
A03
ภาษาไทย
01
พื้นฐาน
3
B+
A04
ภาษาอังกฤษ1
01
พื้นฐาน
3
C




5.3 Second Normal Form (2NF)  ได้ดังนี้
รหัสวิชา 2
รหัสวิชา
ชื่อวิชา
ประเภทวิชา
A01
คณิตศาสตร์คอม
02
A03
ภาษาไทย
01
A01
คณิตศาสตร์คอม
02
A04
ภาษาอังกฤษ1
01
A01
คณิตศาสตร์คอม
02
A04
ภาษาอังกฤษ1
01
A02
ระบบฐานข้อมูล
03
A05
โปรแกรมสำเร็จรูป1
02
A06
การสื่อสารข้อมูล
01
A04
ภาษาอังกฤษ1
03
A05
โปรแกรมสำเร็จรูป1
02
A03
ภาษาไทย
01
A04
ภาษาอังกฤษ1
01


ชื่อประเภทวิชา
ชื่อวิชา
ประเภทวิชา
ชื่อประเภท
หน่วยกิต
เกรด
คณิตศาสตร์คอม
02
ชีพบังคับ
3
F
ภาษาไทย
01
พื้นฐาน
3
C
คณิตศาสตร์คอม
02
ชีพบังคับ
3
D
ภาษาอังกฤษ1
01
พื้นฐาน
3
D+
คณิตศาสตร์คอม
02
ชีพบังคับ
3
B
ภาษาอังกฤษ1
01
พื้นฐาน
3
C
ระบบฐานข้อมูล
03
ชีพเลือก
3
B
โปรแกรมสำเร็จรูป1
02
ชีพบังคับ
3
D
การสื่อสารข้อมูล
01
พื้นฐาน
3
A
ภาษาอังกฤษ1
03
ชีพเลือก
3
C
โปรแกรมสำเร็จรูป1
02
ชีพบังคับ
3
D
ภาษาไทย
01
พื้นฐาน
3
B+
ภาษาอังกฤษ1
01
พื้นฐาน
3
C